#หนังเรื่องนี้เด็ด #พี่นุ้ยรีวิวหนัง #soul #สปอย #เรียนอังกฤษจากหนัง #รีวิว #อัศจรรย์วิญญาณอลเวง
หนังเรื่องนี้เป็นการ์ตูน animation จากพิกซ่า วอลท์ ดิสนีย์ เป็นหนังที่ดีมากๆๆๆๆๆ แนะนำสุดๆ คนเห็นว่าเป็นการ์ตูนอาจจะมองว่าเป็นหนังเด็กๆ แต่จริงๆแล้วมันซ่อนปรัชญาการใช้ชีวิตที่เหมาะกับผู้ใหญ่มากกว่าด้วยซ้ำ
เรื่องเริ่มต้นที่ตัวเอกเป็นนักดนตรีแจ๊ส เขามีความฝันที่จะได้แสดงงานใหญ่ๆ ร่วมกับศิลปินดังๆ ชีวิตเขาไม่ประสบความสำเร็จมาตลอดจนมาวันหนึ่งเขาก็ได้รับโอกาส ฝีมือเข้าตากรรมการได้รับเลือกให้ร่วมบรรเลงเปียโนแจ๊สกับวงดัง แต่ปรากฏว่าเขาประสบอุบัติเหตุตายก่อนที่จะได้แสดง เขาไปอยู่ในโลกหลังความตายร่วมกับวิญญาณอื่นๆ แต่เขาก็พยายามจะหาทางกลับมาเพื่อสานฝันให้เป็นจริง
I want to get back to my body. ฉันต้องการกลับเข้าร่างของฉัน วิญญาณพระเอกพูด แต่แล้วเรื่องก็อลวนตรงที่เขากลับเข้าร่างมาได้แต่ตัวเขาไปอยู่ในร่างแมว ในขณะที่เพื่อนเขาซึ่งเป็นดวงวิญญาณอีกดวงไปเข้าร่างของเขา เขาก็เลยต้องไปหาผู้ช่วยเพื่อกลับเข้าร่าง และขณะเดียวกันเขาซึ่งตอนนี้อยู่ในร่างแมวก็ต้องบอกให้เพื่อนซึ่งอยู่ในร่างของเขาไปเตรียมตัวแต่งชุดหน้าผมให้พร้อมสำหรับการแสดงในคืนนั้น พอวิญญาณสลับร่างก็จะได้เริ่มแสดงดนตรีทันที
You cannot eat your dream for breakfast. คุณไม่สามารถกินความฝันเป็นอาหารเช้าได้ นี่เป็นประโยคที่แม่ของพระเอกพูดกับพระเอกตอนที่ซ่อมสูทให้พระเอกใส่ไปแสดงดนตรี แม่ไม่เห็นด้วยที่พระเอกจะเป็นนักดนตรีไส้แห้ง แต่พระเอก (ซึ่งวิญญาณที่อยู่ในร่างคือเพื่อน) ได้ตอบกลับไปว่าดนตรีคือเหตุผลที่ทำให้เขาอยากใช้ชีวิตอยู่ต่อ มันคือความหมายของชีวิตของเขา พระเอกที่ตอนนี้อยู่ในร่างแมวก็ได้อึ้งไปเลยกับประโยคนี้เพราะวิญญาณของเพื่อนพูดกับแม่ได้ดีมาก พระเอกมักบอกเสมอว่า Music is my spark. ดนตรีคือสิ่งที่จุดประกายฉัน ทำให้ฉันอยากมีชีวิตอยู่ต่อ
เพื่อนพระเอกตอนแรกไม่อยากกลับมาเกิดบนโลก แต่พอได้อยู่ในร่างพระเอกก็เริ่มติดใจกับทุกๆสิ่งในชีวิตที่เกิดขึ้น จึงตัดสินใจขโมยร่างพระเอก แต่ทั้งสองก็ไม่รอดเพราะมีผู้คุมดวงวิญญาณมาจับพวกเขากลับโทษฐานลักลอบหนีออกมา จุดเปลี่ยนคือ วิญญาณเพื่อนพระเอกเปลี่ยนไปจากเดิมที่ไม่เคยอยากมีชีวิตกลับอยากจะมีชีวิต เขาจึงได้รับพาสปอร์ตให้ไปเกิดใหม่ได้ (เหมือนเป็นใบผ่านทางไปสู่โลกมนุษย์หลังจากที่วิญญาณได้อยู่ในจุดนี้มาพักหนึ่งและพร้อมที่จะไปเกิดได้) แต่พระเอกเถียงว่าวิญญาณเพื่อนพระเอกไม่ได้มีจุดหมายในชีวิตของตัวเอง เขาแค่ติดใจที่ได้ใช้ชีวิตของพระเอก เถียงไปเถียงมาวิญญาณเพื่อนพระเอกก็เลยโยนพาสปอร์ตนั้นให้พระเอก พระเอกจึงได้กลับเข้าร่างอีกครั้งเพื่อไปทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริง
สุดท้ายตรงนี้ชอบมาก พระเอกได้แสดงดนตรีอย่างที่ฝัน แต่เขาก็รู้สึกว่าชีวิตยังไม่เติมเต็ม เขาก็เลยมานั่งคิดถึงความหมายในการมีชีวิตอยู่ เขาคิดได้ว่าจริงๆแล้วสิ่งเล็กๆน้อยๆในชีวิตนั้นล้วนมีความสำคัญและเติมเต็มความหมายของชีวิต เขาจึงเดินทางกลับไปหาวิญญาณเพื่อนของเขาเพื่อบอกว่าจุดมุ่งหมายไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด แต่จงมีความสุขกับชีวิตในแต่ละวัน นั่นต่างหากคือชีวิต พระเอกและวิญญาณเพื่อนพระเอกได้กลับมาเกิดและมีชีวิตอีกครั้งเพราะผู้คุมซึ้งและมอบพาสปอร์ตพิเศษ