Articles

ระบบความคิดกับการสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษ

วันนี้มาคุยกันเรื่องเล็กๆน้อยๆนะคะจากการที่ได้เห็นนักเรียนหลายๆคน เวลาสื่อสารหรือสร้างประโยคภาษาอังกฤษก็อาศัยจากการจดจำ ถือคติว่าฟังบ่อยๆฝึกบ่อยๆเดี๋ยวได้เอง ซึ่งอันนี้ถือว่าถูกส่วนนึง แต่ทีนี้ถ้าเราต้องการที่จะอัพขึ้นไปในระดับที่สูงขึ้นของการสื่อสารสิ่งที่เราต้องมีก็คือระบบของความคิด ถ้ามาในบริบทที่เป็นทางการเป็นวิชาการเป็นธุรกิจ เราไม่สามารถใช้การจำแต่เราต้องมีฐานของความคิดในการที่จะสร้างประโยคขึ้นมาอยู่บนหลักการที่ถูกต้อง ให้คิดเหมือนคณิตศาสตร์ เวลาเราบวกลบเลข เราไม่ได้จำตัวเลขแต่ละตัวว่าบวกกันแล้วได้เท่าไหร่ แต่เรา operate อยู่บนพื้นฐานของระบบความคิด พี่นุ้ยจะให้ความสำคัญกับส่วนนี้มากๆคือเราจะต้องรู้ว่าเวลาที่เราทำอะไรถูกหรืออะไรผิดเพราะอะไร ถ้าตอบคำถามตรงนี้ไม่ได้ก็จะย่ำอยู่กับระดับเบสิคที่ต้อง rely on ความจำ จริงอยู่ว่าความจำคือสิ่งที่จำเป็นมากๆนะคะการเรียนภาษาอังกฤษยังไงก็ต้องจำโดยเฉพาะจำศัพท์ เรื่องของการจะเอาศัพท์ที่เราจำได้นั้นมาวางลงประโยคเพื่อสื่อสารออกไปอันนั้นมันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง มันต้องอาศัยความคิดในเชิงระบบ ซึ่งถ้าเราเข้าใจระบบพอเราเจอคำศัพท์ใหม่เราก็สามารถเอามาใช้ลงประโยคเพื่อสื่อสารออกไปได้ ในระดับเด็กๆพี่นุ้ยอาจจะสอนให้จำ แต่พอถึงจุดนึงแล้วการจำต่อให้จำได้เป็น 100 ประโยคมันก็ไม่เท่ากันสอนให้คิดเอง ดังนั้นพอถึงจุดหนึ่งเราอย่าไปติดกับกับดักเรื่องของปริมาณหรือแม้แต่จำนวนหน้าของเอกสาร แต่พี่ให้คุณค่าตั้งระบบความคิดซึ่งจะเป็นพื้นฐานเพื่อต่อยอดและการเอาไปใช้ได้จริง https://www.facebook.com/nuienglish/posts/5362092983842472

Structure Analysis

Structure Analysis ของสิ่งที่เราเขียนเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เมื่อขึ้นไปถึงระดับบทความและการสื่อสารในบริบททางธุรกิจ ทางวิชาการ เราไม่สามารถใช้การจำตามๆกันมาได้ แต่เราต้องสามารถสร้างประโยคได้เองจริงโดยอาศัยความคิดที่เป็นระบบ  https://web.facebook.com/nuienglish/videos/1354878721662358/ ตัวอย่างจากคอร์สในสายวิชาการของพี่นุ้ย Advanced Grammar for Writing https://www.nuienglish.com/writing-concept/

การเป็นคนธรรมดามันก็ไม่ได้ผิดอะไรนะแต่…

การเป็นคนธรรมดามันก็ไม่ได้ผิดอะไรนะแต่… มันก็อาจจะทำให้เขาไม่เลือกเรา เช่นเวลาไปสอบสัมภาษณ์เรียน ชิงทุน เข้าทำงาน ยิ่งเป็นที่ที่มีการแข่งขันสูงก็ยากที่เขาจะเลือกคนธรรมดา แต่เชื่อเถอะจากประสบการณ์ที่พี่นุ้ยเทรนคนสอบสัมภาษณ์มา แทบจะทุกคนมักจะคิดว่าตัวเองเป็นคนธรรมดาไม่ได้มีอะไรโดดเด่น แต่จริงๆแล้วคนทุกคนมีคาแรคเตอร์หรืออะไรที่เด่นๆอยู่ในตัวเองแต่แค่ไม่รู้ตัว สิ่งนั้นอาจจะอยู่ในประสบการณ์ที่เคยทำทำมาหรืออาจจะเป็นคุณลักษณะอะไรบางอย่าง เวลาที่พี่นุ้ยสอนนักเรียนไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่เพื่อไปสอบสัมภาษณ์ ก่อนจะไปเรื่องภาษาอังกฤษ พี่นุ้ยจะมีคำถามบางอย่างที่ทำให้พี่นุ้ยรู้ว่าลักษณะเด่นของคนคนนั้นคืออะไรแล้วเอาตรงนี้ไปเป็นจุดแข็งที่เขาจะใช้ present ตัวเองออกไป เอาจริงๆอย่าคิดว่าตัวเองเป็นคนธรรมดาแต่แค่ว่าเราต้องรู้จักตัวเองและหาจุดที่มันเหมาะสมกับเรา https://www.facebook.com/nuienglish/posts/5288515391200232

คุณภาพของประโยคที่แต่ง

ในตอนเด็กๆหรือตอนที่เพิ่งเริ่มเรียนมันโอเคนะคะที่จะเช่นแต่งประโยคให้ได้ 5 ประโยค 10 ประโยค ทำข้อสอบให้ได้ 10 ข้อ 100 ข้อ แต่ถ้าเราพ้นจากจุดนั้นมาแล้ว เราจะต้องตั้งคำถามในเชิงคุณภาพนะคะไม่ใช่เชิงปริมาณ ยกตัวอย่างง่ายๆบางครั้งเราทำโจทย์คณิตศาสตร์ทำได้หลายข้อแต่มันเป็นโจทย์ที่ไม่ซับซ้อนอะไร ฉะนั้นคุณค่าของมันอาจจะไม่เท่ากับการทำโจทย์ปัญหาที่ยากเพียงแค่ข้อ 2 ข้อ ภาษาอังกฤษก็เช่นกันนะคะ เมื่อพ้นจาก level พื้นฐาน พี่นุ้ยจะไม่ใช้การนับจำนวนประโยคที่แต่งได้ แต่จะดูว่าคุณภาพของประโยคที่แต่งได้มันคืออะไร ระดับภาษาเป็นยังไง ดังนั้นพี่นุ้ยว่าการเคลมเรื่องปริมาณมันไม่ใช่คำตอบ แต่เราต้องเพิ่มในเรื่องของความยากและคุณภาพของสิ่งที่เราทำ 1 ไอเดียอาจจะมีวิธีการนำเสนอด้วยโครงสร้างและรูปประโยคได้หลายแบบ แวะไปดูซีรีย์ของ sentence variation...

งานใหม่พี่นุ้ย – ผู้ให้คำปรึกษาด้านจิตสังคมประจำศาลแขวงนนทบุรี

งานใหม่มาแล้วค่ะ พี่นุ้ยสอบได้เป็นผู้ให้คำปรึกษาด้านจิตสังคมประจำศาลแขวงนนทบุรี หลายๆคนคงสงสัยว่าจิตสังคมคืออะไร เอาคร่าวๆนะ จิตสังคมคือการให้คำปรึกษาแก่ผู้ต้องหาในชั้นสอบสวนหรือผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นก่อนฟ้อง โดยจะเน้นไปที่คดียาเสพติด เพศ และความรุนแรงในครอบครัว หรือคดีอาญาที่ไม่มีโทษร้ายแรงนะคะ การสอบจะเป็นการวัดจากการทำข้อเขียนและการสัมภาษณ์ ซึ่งครั้งนี้เป็นการสอบที่มีอัตราการแข่งขันค่อนข้างสูง ในการสัมภาษณ์ เราจึงต้องกำหนดกลยุทธ์ที่ให้สิ่งที่เราพูดเป็น signature หรือสะท้อนความเป็นตัวตนของเราที่แตกต่างจากผู้เข้าสัมภาษณ์คนอื่นๆ ไว้พี่นุ้ยจะมาแชร์ให้ฟังนะคะว่าวิธีคิดของการสอบสัมภาษณ์คืออะไร https://ntbmc.coj.go.th/th/content/category/detail/id/10/iid/289276 https://www.facebook.com/nuienglishbreakfast/posts/4949393928430345

ข้อความสั้นๆ ไว้สอบถามหากยังไม่ได้รับสิ่งของที่สั่งซื้อ

หลังจากขายของส่งไปอเมริกาและของไปรอนแรมอยู่นานมาก ส่ง 5 พ.ค. ของถึง 1 ก.ค. อันนี้เป็นข้อความสั้นๆที่พี่นุ้ยส่งตอบลูกค้า เมื่อลูกค้าเขียนมาตามสิ่งของ I have checked through with the post office and learned that there is an unexpected delay due to COVID situation. However,...

การใช้ Past Continuous

While it was raining, I was waiting for my food. หลายๆคนมักจะคิดว่า past continuous จะต้องใช้คู่กับ past simple เพื่อบอกว่ามีเหตุการณ์หนึ่งเกิดอยู่และอีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดแทรก แต่จริงๆแล้วเราสามารถใช้ past continuous (was, were + v.ing) ทั้ง 2 ประโยคได้ หากเหตุการณ์นั้นมันเกิดขึ้นไปพร้อมๆกันในอดีต อย่างเช่นขณะที่ฝนกำลังตก พี่นุ้ยก็กำลังรออาหารอยู่...

สอบเทียบ

วันนี้หลังจากค้นบ้านเพื่อหาเอกสารสมัคร ก็ได้เจอกับบัตรนิสิต ตอนนั้นมีการสอบเทียบเรียนจบม. 4 สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้เลย พี่นุ้ยเลือกเรียนอักษรที่จุฬาฯ และเลือกเรียนเศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ด้วยความที่มาจากสายวิทย์ ตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้คะแนนเลขสูงมากถ้าเข้านิเทศก์ก็จะได้เป็นที่หนึ่งของคณะในทันที แต่พอเข้าไปปุ๊บมันไม่ได้มีวิชาคณิตศาสตร์ เลยต้องปรับพื้นภาษาอังกฤษใหม่ทั้งหมด ตอนเข้ามหาวิทยาลัยพี่นุ้ยยังต้องเรียนพิเศษอยู่เลย พยายามวันละนิดไปทุกวันทุกวันสะสมไว้เดี๋ยวมันก็จะดีเอง สู้ๆนะคะทุกคน https://www.facebook.com/nuienglishbreakfast/posts/4150637578305988

มาเริ่มต้นเขียนบทความง่ายๆ กัน

เริ่มต้นเขียนบทความง่ายๆ มาแนะนำคอร์ส Mini Essay (7 ชม.) จริงๆจะแนะนำตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะคะ แต่พี่นุ้ยยุ่งมากเลยมาวันนี้ คอร์สนี้คือการเริ่มเขียนบทความง่ายๆมีคำนำ เนื้อเรื่อง สรุป พี่นุ้ยมีแพทเทิร์นให้น้องๆปรับใช้ตามได้ เน้นคำถามในชีวิตประจำวัน ใครที่เริ่มเขียนบทความหรือ public speaking เริ่มต้นตรงนี้ คำถามธรรมดาอย่าง What is your hobby? What is your dream job? ที่เราอาจจะตอบเป็นคำ หรือตอบเป็นประโยคเดียว แต่ในคอร์สนี้พี่นุ้ยจะเอามาพัฒนาให้การตอบของเราเป็น...

งานชิ้นแรกหลังจากเรียนจบ

อันนี้เป็นงานชิ้นแรกๆที่ได้ทำตอนจบมหาวิทยาลัย ลักษณะงานง่ายมากค่ะคือการต้อนรับแขก VIP และยืนกดลิฟท์ให้กับชาวต่างชาติ หลังจบงานนี้ทาง SF cinema ก็ให้ไปทำงานเป็นพีอาร์โรงหนัง ซึ่งให้เงินเดือนสูงนะคะเมื่อเทียบกับเด็กจบใหม่ในสมัยนั้น แต่พี่นุ้ยตัดสินใจไม่ทำดีกว่าเพราะพีอาร์มีแต่คนสวยๆ เราคงเอาดีในอาชีพนี้ไม่ได้แน่ ขอเลือกไปสอบชิงทุนดีกว่า แต่อย่างไรก็ตามการทำงานไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ทำให้เราได้ประสบการณ์และรู้จักตัวเองมากขึ้น https://www.facebook.com/nuienglishbreakfast/posts/4154189421284137